วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การศึกษาชิ้นใหม่ๆ พบว่าสุนัขควรจะกินอาหารให้น้อยลงและออกกำลังกายให้มากขึ้น

น้ำหนักตัวและการออกกำลังกายของสุนัขมีความเชื่อมโยงกับแนวโน้มและเทคโนโลยีของมนุษย์
                จากการติดตามผลการรายงานของ Surgeon General อย่างใกล้ชิด  รายงาน ว่ามนุษย์ที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้มาก โดยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงซึ่งมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเห็นว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นในสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกัน
                จากผลการรายงานดังกล่าว ทำให้ Waltham ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก ทางด้านการดูแลและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง  และ เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ National Research Council (NRC) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดปริมาณความต้องการอาหารขั้นต่ำของสัตว์เลี้ยง ได้แก้ไขคำแนะนำด้านอาหารขององค์กร โดยเสนอแนะให้ใช้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ให้พลังงานน้อยลงและหากจำเป็นก็ให้ลด ปริมาณอาหารต่อมื้อลงด้วย
                ผลการศึกษาของ Waltham ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการให้อาหาร น้ำหนักร่างกาย และรูปแบบการออกกำลังกายของสุนัข  ผล การศึกษาเปิดเผยว่า ในความเป็นจริงสัตว์เลี้ยงแทบทุกตัว ไม่ได้รับการออกกำลังกายนานเป็นเท่ากับ 60 นาทีต่อวัน เหมือนอย่างที่เคยคิดกันไว้ และการออกกำลังที่ไม่เพียงพอนี้ก็ไม่ได้นำมาพิจารณาเมื่อทำการแบ่งส่วนอาหาร
                สัตวแพทย์ โจ วิลล์ หัวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์ Waltham สำหรับโภชนาการของสัตว์เลี้ยงในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยหลักของ Waltham กล่าวว่า “แนวทางการให้อาหารจะอยู่บนพื้นสมการอย่างง่าย คือ พลังงานที่บริโภคหักออกด้วยพลังงานที่ใช้ไป”    “และ เช่นเดียวกับในมนุษย์ หากพลังงานที่บริโภคไปในร่างการเกินกว่าพลังงานที่ใช้ไป สัตว์เลี้ยงก็จะมีน้ำหนักเพิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

กิจกรรมของมนุษย์ที่ลดลงจะเท่ากับการลดกิจกรรมในสุนัข
                นัก วิทยาศาสตร์ของ Waltham อ้างว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ประกอบกับกิจกรรมที่ลดลงของมนุษย์ซึ่งส่งผ่านไปถึงเพื่อนสุนัของเรา มีผลต่อระดับการอยู่เฉยๆของสัตว์เลี้ยง “ความสะดวกสบายสมัยใหม่ เช่น ระบบทำความร้อนแบบรวม ซึ่งลดความจำเป็นในการใช้พลังงานให้เกิดความอบอุ่น อาจจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อปัญหาการปฏิบัติตามคำสั่งในหมู่มนุษย์ที่เพิ่ม มากขึ้น” ด๊อกเตอร์ วิลส์ อธิบาย “นอกจากนี้ มีผู้ชายเพียง 10 เปอร์เซนต์และผู้หญิงอีก 20 เปอร์เซนต์ที่ได้รับการจ้างงานให้ทำงานในแบบที่จะต้องมีการใช้ทักษะทางร่าง กาย”
                “ง่ายๆ ครับ” วิลส์กล่าว “พอเราขับรถมากแล้วเดินน้อย สุนัขของเราก็จะออกกำลังน้อยไปด้วย พอเรานั่งอยู่หน้าทีวีและเครื่องคอมพิวเตอร์ สุนัขของเราก็จะนอนอย่างเกียจคร้านข้างๆเรา เราควรจะออกกำลังให้มากขึ้นนะ เราต้องให้สัตว์เลี้ยงได้ใช้พลังงานออกไปบ้าง เหมือนกับที่เราต้องใช้พลังงานเหมือนกัน เพื่อสนองตอบต่อแนวทางนี้”
ออกกำลังได้โดยไม่มีข้อแม้
                การ ค้นคว้ายังระบุอีกว่า ขนาดของร่างกายที่ปรากฏเป็นเพียงปัจจัยประการเดียวที่เห็นได้ชัดเจน สำหรับใช้ในการกำหนดปริมาณอาหารของสัตว์เลี้ยง ที่เจ้าของจะต้องเป็นคนให้(อย่างเช่นในสุนัขที่พันธุ์ใหญ่ก็จะต้องให้อาหาร ในปริมาณที่มากขึ้น) แต่ไม่มีการพิจารณาของการออกกำลังกายว่าจะต้องให้สุนัขนั้นออกกำลังเป็น ประจำในปริมาณเท่าใด
                ตาม ที่ด็อกเตอร์ เจมส์ เอช โซโคโลวสกี้จาก Waltham U.S.A Inc., มีเอกสารหลายหน้าที่แสดงถึงการเทียบเคียงกันแบบตัวต่อตัวระหว่างสัตว์เลี้ยง ที่มีน้ำหนักเกินพอดีและเจ้าของของพวกเค้า “อัตราส่วนที่เห็นนี้ ประกอบไปด้วยการค้นคว้าของเราในเรื่องการลดการออกกำลังกายของสัตว์เลี้ยง ให้เราอธิบายการลงความเห็นให้ฟังว่าทำไมสัตว์เลี้ยงอาจจะไม่ตอบสนองกับเทคโน โลยี่โดยตรง แต่พวกเค้ายังคงได้รับผลกระทบด้วยสิ่งนี้อยู่” ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้กล่าว “แม้การค้นคว้านี้จะไปทำที่ อังกฤษก็ตาม แต่การศึกษานี้หมายรวมถึงความสำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยงในอเมริกา รายละเอียดในการศึกษาเรื่องนี้นั้น เป็นประเด็นกับทุกประเทศที่เป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา เพราะความมั่งคั่งและการเน้นหนักให้ความสำคัญกับเรื่องของความก้าวหน้าทาง ด้านเทคโนโลยี”
                ด็อก เตอร์ โซโคโลวสกี้ได้ชี้ให้เห็นว่า ข้อปฏิบัติในการให้อาหารแบบใหม่จาก Waltham ที่กำลังจะนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกนั้นมีความพ้องกันกับ กรมการเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ได้ให้ความเห็นไว้ในข้อปฏิบัติในการโภชนาการสำหรับมนุษย์ฉบับใหม่ที่ออก เมื่อเดือนมกราคม ว่าการออกกำลังหรือการทำกิจกรรมน้อยๆนั้น ควรจะพิจาณาเรื่องอาหารด้วย  แต่ด๊อกเตอร์ วิลส์ และ ด็อกเตอร์โซโคโลวสกี้มีเห็นด้วยว่าข้อแนะนำใหม่ควรจะได้รับการพิจารณาสำหรับเป็นแนวทางเท่านั้น
สัตว์เลี้ยงทุกตัวนั้นต่างกัน
                “สัตว์ เลี้ยงทุกตัวนั้นต่างกัน และทั้งสัตว์แพทย์รวมถึงเจ้าของจะต้องนำเอาปัจจัยน้ำหนัก ภาวะ สายพันธุ์ และระดับการทำกิจกรรมของสัตว์เลี้ยง มารวมกันเพื่อกำหนดอาหารที่จะต้องให้กินเข้าไป หากระดับการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรจะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนิน ชีวิตของตัวเอง เพื่อเพิ่มกิจกรรมหรือการออกกำลังกายทั้งของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น เพื่อต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นของปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของทั้งเจ้าของ และสัตว์เลี้ยงของตน” วิลส์ ปิดท้าย
                สัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับมนุษย์ ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้  เตือน ว่าสัตว์เลี้ยงที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะยิ่งประสบปัญหาทางด้านสุขภาพมากขึ้น และยังอ้างว่าจากหลักฐานมากมายแสดงให้เห็นว่า อารมณ์และลักษณะทางกายภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงนั้น จะเยี่ยมยอดที่สุดเมื่อพวกเค้ามีความกระฉับกระเฉงและดูแลน้ำหนักให้พอดีอยู่ เสมอ
                “สำหรับ สุนัขซึ่งมีน้ำหนักมากเกินไปและไม่ค่อยกระฉับกระเฉงนั้นจำเป็นจะต้องให้ อาหารที่มีแคลอรี่น้อยๆ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ลดการให้อาหารเค้าลงด้วย ขณะที่สุนัขอื่นๆที่ไม่เป็นอย่างนี้อาจจะจำเป็นต้องได้รับอาหารพิเศษสำหรับ สัตว์เลี้ยงโดยตรงด้วย”   ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้จาก Waltham ต่อท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น