วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความชอบอาหารของสุนัขที่อเมริกาจะต่างจากของสุนัขที่ปารีสไหม

บริษัท Waltham Center for Pet Nutrition กล่าวว่า ความชอบอาหารของสุนัขนั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงของเจ้าของ สำหรับหลายๆคนที่ทานขนมปังกับกาแฟเป็นอาหารเช้าประจำ คงรู้สึกแปลกๆถ้าจะให้เปลี่ยนไปกินซุปปลาเป็นอาหารเช้าแทน  แล้วสุนัข กับแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆจะเหมือนคนหรือเปล่า? สุนัขกับแมวในอังกฤษ นั้นชอบกินอาหารต่างจากเพื่อนๆ ของพวกเค้าที่อยู่ในญี่ปุ่น อเมริกา หรือฝรั่งเศส งั้นหรือ? คำตอบที่คุณจะพบได้ต่อไปน่าจะทำให้คุณประหลาดใจได้ไม่น้อย
                ตาม ที่บริษัท Waltham Center for Pet Nutrition (WCPN) ซึ่งเป็นผู้คิดค้นต้นวิธีการดูแลและโภชนาการสัตว์เลี้ยงระดับโลก กล่าวไว้ว่า ความชอบอาหารของสัตว์นั้นมีความสัมพันธ์ โดยตรงกับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของผู้เป็นเจ้าของ
                “คน ที่เป็นเจ้าของสุนัขมักจะนึกเอาเองเสมอว่า อะไรที่เราอยากกินสุนัขกับแมวก็คงอยากกินแบบเดียวกัน แล้วท้ายที่สุดเราก็จะเป็นคนเลือกว่าเขาจะได้กินอะไร” นาย เจมส์ โซโคโลวสกี้ DVM, Ph.D., ผู้จัดการส่วนงานสัตว์ภิบาลและการติดต่อสื่อสาร ของ Waltham Center Inc. กล่าว “ในประเทศญี่ปุ่น ปลาและอาหารทะเลเป็นอาหารหลักของคน ดังนั้นอาหารแมวก็จะเป็นมีรสหอยกับปลาหมึกคาระมาริด้วย ในขณะที่ในยุโรป เจ้าของสุนัข จะให้อาหารที่มีรสและกลิ่นของเนื้อเป็ดกับกระต่าย ซึ่งใกล้เคียงกับอาหารที่คนแถวนั้นกินกัน”
                ในเรื่องของรสชาตินั้น เจ้าของสุนัขและแมวจะคิดกันเอาเองว่า โดยธรรมชาตินั้น“แมวทุกตัวชอบปลา และสุนัขทุกตัวชอบเนื้อ”  แต่ ในความเป็นจริงนั้น อาหารที่สัตว์เลี้ยงของเราชอบกินก็คืออาหารที่เค้าเคยชิน ยกตัวอย่างเช่น ไม่ใช่แมวทุกตัวที่ชอบกินปลา เพียงแค่แมวจำนวนมากเท่านั้นในญี่ปุ่นที่ชอบกินปลา เพราะแมวจำนวนนี้ได้รับอาหาร ที่เป็นปลามาตั้งแต่แรก สุนัขก็เช่นกันสุนัขในเม็กซิโกจะสามารถรับมือกับอาหารแบบเผ็ดๆได้ แม้กระทั่งว่าให้กินพริกก็ยังกินได้ ทั้งนี้เพราะสุนัขเหล่านี้ได้รับอาหารจากผู้เป็นเจ้าของแบบเดียวกันมา ตั้งแต่ต้น แต่สุนัขในสายพันธุ์เดียวกันที่อยู่ใน ประเทศอังกฤษจะไม่กินอาหารรสจัดขนาดนั้นเพราะไม่เคยชิน การให้อาหารสุนัขและแมวที่มีเนื้อเป็นส่วนประกอบหลักนั้น กลับได้รับความนิยมในทวีปยุโรป แต่สุนัขในอินเดียจะไม่กินเนื้อเลย เพราะสุนัขที่นั่นจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาบูชากัน

บทบาทของธรรมชาติ
                ตาม ที่กล่าวมาแล้ว นอกจากเจ้าของจะเป็นคนกำหนดว่าสุนัขจะกินอะไรแล้ว พันธุกรรมของสุนัขก็ยังเป็นอีกปัจจัย หนึ่งทีเป็นตัวกำหนดความชอบของเขาด้วย ทำให้หมาแมวทั่วโลกมีความชอบบางอย่างที่เหมือนกัน ในการศึกษาโดยแบ่งแมว ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นแมวที่กินปลาอยู่เป็นประจำ กับอีกกลุ่มไม่เคยกินปลามาก่อน  ปรากฎว่าปริมาณ การตอบรับหรือปฎิเสธปลาไม่แตกต่างกันระหว่างสองกลุ่มนี้ 
                เป็น ที่รู้กันว่า สุนัขนั้นค่อนข้างอะลุ้มอล่วย ในขณะที่แมวทั้งโลกกลับมีชื่อทางด้านความช่างเลือก แมวบางตัวกลับ ไม่ยอมฃกินอาหารซ้ำติดกันสองมื้อ และบางตัวเลือกที่จะอดดีกว่าจะต้องกินอะไรที่ไม่ชอบ                มี งานค้นคว้าและวิจัยจาก WCPN ที่สำคัญมากๆอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งแสดงผลจากการวิจัยว่า แม้เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะไม่ได้เจตนาที่จะกำหนด ให้สุนัขหรือแมวชอบหรือไม่ชอบกินอะไรอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ชอบกินอะไรก็ตามที่เจ้าของป้อนให้กับมือ นั่นเอง
                “การ ได้รับความสนใจจากเจ้าของ และปฏิกิริยาที่สัตว์เลี้ยงมีต่อผู้เป็นเจ้าของกลับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ต่อสัตว์เลี้ยง มากกว่าอาหาร” โซโคโลวสกี้ กล่าว “ดังนั้นคุณควรแสดงความรับกับสุนัขอย่างถูกวิธีโดยการให้อาหารที่เหมาะกับ เขา อาหารที่เหลือจากโต๊ะนั้นไม่เหมาะสำหรับสุนัข การเล่นสนุกกับเค้าแบบให้ได้ออกกำลังกันบ้าง ลงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบ้าง นับเป็นอาหารทางใจให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งดีกว่าอาหารเหลือบนโต๊ะเป็นไหนๆ”

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทำไมอาหารอร่อยๆเหล่านั้นจึงไม่ใช่รางวัลสำหรับสุนัข

นับเป็นเวลาหลายปีที่พ่อแม่ได้ เฝ้าบอกลูกๆว่า “อย่าให้อาหารสุนัขเวลานั่งทานอาหารที่โต๊ะทานข้าว” สิ่งที่พวกเขาไม่ทันได้คิดคือ นอกจากเป็นการพยายามปลูกฝังลูกๆเกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหารแล้วยังเป็นการ ช่วยสุนัข ไปในตัวอีกด้วย นั่นก็เพราะอาหารที่ปลอดภัยสำหรับคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อสุนัข ยกตัวอย่างเช่นถ้าสุนัขของคุณ กินช็อกโกแล็ตมากเกินไป (ช็อกโกแล็ตมีสารธีโอโบรมีน) เค้าจะไม่สบายด้วยอาการท้องร่วง อาเจียน มีการลุกลี้ลุกลน กล้ามเนื้อกระตุก หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ และในกรณีที่แย่ที่สุดก็คือ เสียชีวิต!
                การ กินหัวหอมก็จะทำให้เซลเม็ดเลือดแดงถูกทำลายและอาจจะเป็นสาเหตุของโรคโลหิต จาง ส่วนของชอบตลอดกาล ของสุนัขกระดูกที่เหลืออยู่ในจานก็ไม่ปลอดภัยสำหรับการให้เค้ากินนัก เพราะกระดูกมักจะแตกออกมาเป็นชิ้นแหลมๆเล็กๆ ซึ่งเมื่อเค้ากลืนลงไป ก็อาจจะไปฝังอยู่ข้างในทางเดินอาหารของเค้าก็ได้
                สุนัข จะชอบรับอาหารจากคน ซึ่งอาจไม่ใช่อาหารที่เค้าจะกินตามปกติหรือแม้แต่เป็นอาหารที่เขาไม่ควรกิน เพียงเพราะว่าทั้งสุนัขและคนต่างชอบที่จะมีสัมผัสทางร่างกายใกล้ชิดผ่านทาง การให้อาหารอ้วยมือนั่นเอง แต่อาหารของคนมักจะ มีแคลอรี่สูงและมักจะให้สารอาหารที่ไม่ครบถ้วน วิธีแสดงความรักอย่างมีความรับผิดชอบต่อสุนัข ก็คือการเลือกสรรอาหารซึ่งทำ ขึ้นมาให้เหมาะกับความต้องการทางโภชนาการของเค้าโดยตรง อย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องอาหารว่า หากอาหารนั้นดีพอสำหรับคุณ ก็น่าจะดีพอสำหรับสุนัขด้วย ถ้าคุณอยากจะเพิ่มสีสรรให้กับอาหารของเค้าคุณก็ทำได้โดยเพิ่มอาหารหลายๆแบบ คุณสามารถผสมอาหารสุนัขแบบแห้งเข้ากับอาหารแบบกระป๋อง  ซึ่ง มีเงื่อนไขว่ายังถูกต้องตามหลักโภชนาการที่สุนัขต้องการเสมอ นอกจากนี้คุณยังสามารถให้รางวัลเพื่อให้เขาได้มีความสุขจากการแทะอะไรเล่น เพลินๆ โดยหาขนมขบเคี้ยวสำหรับสุนัขให้เขา ซึ่งปลอดภัยกว่าการให้เขาแทะกระดูก และแน่นอนว่าการให้อาหารที่ถูกต้องไม่ใช่หนทางเดียวที่จะแสดงความรักต่อ สุนัขของคุณ คุณจึงควรใช้เวลาอยู่กับเค้าเพื่อเล่นกับเค้าด้วย นั่นจะทำให้เข้ามีความสุขขึ้นอีกเยอะ 
 

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปีรามิดอาหาร

เมื่อ มีกฎระบุว่าต้องมีการแสดงรายละเอียดของสารอาหารบนผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆสำหรับ คน จึงทำให้ผู้บริโภค สามารถรู้รายละเอียดของโภชนาการของอาหารที่ได้ซื้อไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความตื่นตัวและสนใจ ในเรื่องสุขภาพและโภชนาการที่จำเป็นของสุนัขตามมาเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่าสุนัขของคุณนั้นได้รับสารอาหารที่สำคัญ ครบตามความต้องการ คุณต้องเข้าใจถึงสารอาหารพื้นฐาน 5 ชนิด ในการทำให้สุนัขของคุณสุขภาพดี มีความสุข

วิตามิน
            วิตามินนั้นมีไว้สำหรับช่วยในบำรุงสายตา ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก และการเผาผลาญอย่างมีคุณภาพ ในแต่ละการเคลื่อนไหวของสุนัขนั้นต้องการการช่วยเหลือจากวิตามิน เนื่องมาจากว่าวิตามินนั้นเป็นตัวช่วยสำคัญใน การทำปฏิกิริยาทางเคมีของร่างกาย
วิตามิน มีสองประเภทคือวิตามินที่สามารถละลายในน้ำและวิตามินที่สามารถละลายในไขมัน ซึ่งแต่ละตัวนั้น มีหน้าที่ในการทำงานคนละแบบกัน ยกตัวอย่างเช่นหากสุนัขถูกอะไรบาดเท้าเสียจนเลือดออก วิตามินตัวหนึ่งจะสามารถ ช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ และอีกตัวหนึ่งจะทำหน้าที่สมานเนื้อเข้าด้วยกัน และเนื่องจากว่าเป็นการยากที่เราจะหาปริมาณ ที่สมดุลย์ของวิตามินในแหล่งอาหารจากธรรมชาติได้จึงต้องมีการเติมวิตามิน เข้าไปรวมอยู่กับอาหาร เพื่อให้ได้ปริมาณตรง ตามความต้องการทางโภชนาการ ในอาหารสัตว์เลี้ยงนั้น แหล่งวิตามินที่ดี ควรมาจาก วิตามินเสริม นม ผัก ตับ ไต ยีส และ เมล็ดธัญพืช

เกลือแร่
             เกลือแร่จะช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เกลือแร่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างในร่างกาย เช่นกระดูกและฟัน เกลือแร่มีผลกระทบต่อของเหลวภายในร่างกายสุนัขด้วยอย่างเช่นเลือดเป็นต้น
จริงๆ แล้วเกลือแร่นั้นถูกทำลายได้ยากแต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่าสามารถดูดซึมได้ ยากเช่นกัน การมีเกลือแร่มาก เกินไปก็เป็นพิษต่อร่างกายด้วย และเช่นเดียวกับวิตามินคือเป็นการยากที่เราจะหาปริมาณที่สมดุลย์ของเกลือแร่ ใน แหล่งอาหารจากธรรมชาติได้ จึงต้องมีการเติมเกลือแร่เข้าไปรวมอยู่กับอาหารเพื่อให้ได้ปริมาณตรงตามความ ต้องการ ทางโภชนาการด้วย ในอาหารสัตว์เลี้ยงนั้น แหล่งเกลือแร่ที่ดี ได้แก่ เกลือแร่เสริม ปลา เนื้อ ตับ นม ธัญพืช และกระดูก

กรดไขมันที่จำเป็น
               เพื่อ ให้พลังงานแก่ร่างกายและผิวหนังรวมทั้งขนที่มีสุขภาพดี ไขมันและกรดไขมันที่จำเป็น (องค์ประกอบหลักของไขมัน) จะมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของสุนัข ไขมันเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง และยังทำให้อาหารสุนัขนั้นมีรสชาติดีอีกด้วย ไขมันยังช่วยในการดูดซึมวิตามินชนิดที่ละลายในไขมันอีกด้วย ในอาหารสัตว์เลี้ยงนั้น แหล่งไขมันที่ดีและมีกรดไขมันที่จำเป็นก็คือ ไขมันสัตว์ น้ำมันพืช ผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้จากเนื้อและสัตว์ปีก

คาร์โบไฮเดรต และใยอาหาร
            เพื่อให้พลังงานและระบบการย่อยอาหารที่ดี คาร์โบไฮเดรตนั้นประกอบจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวคือโมโนแซคคาไรด์ (ไดแซคคาไรด์และโพลีแซคคาไรด์) เมื่อร่างกายสุนัขต้องการพลังงาน คาร์โบไฮเดรตจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว และถ้ามีพลังงานที่สำรองอยู่(เหลืออยู่) ก็จะจัดเก็บอยู่ในรูปของไกลโคเจน
ส่วน ใยอาหารที่อยู่ในคาร์โบไฮเดรตนั้นมีประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร และคุณภาพของมูลสุนัข ในอาหารสุนัข แหล่งคาร์โบไฮเดรตและใยอาหารที่ดีก็คือ เมล็ดธัญพืชต่างๆเช่นข้าว ข้าวโพด และข้าวสาลี

โปรตีน
        จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายรวมทั้งความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อ โปรตีนนั้นเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกือบทุกชนิดยกเว้นกระดูก ไม่ว่าจะเป็นขน ผิวหนัง เล็บ และกล้ามเนื้อต่างๆ มาจากโปรตีนแทบทั้งสิ้น ในร่างกายสัตว์เลี้ยงจะมีโปรตีนชนิดต่างๆอยู่นับพันชนิด ซึ่งแต่ละโปรตีนก็จะทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่โปรตีนทุกตัวจะสร้างขึ้นจากหน่วยเล็กๆที่เรียกว่ากรดอะมิโน กรดอะมิโนบางตัวนั้นสามารถสร้างได้เองในร่างกาย แต่บางตัวนั้นจะต้องได้มาจากอาหาร ในอาหารสุนัขนั้น แหล่งโปรตีนที่ดีก็คือ เนื้อสัตว์ทุกประเภท ไข่ เนื้อปลา เมล็ดธัญพืช นม และยีสต์

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การศึกษาชิ้นใหม่ๆ พบว่าสุนัขควรจะกินอาหารให้น้อยลงและออกกำลังกายให้มากขึ้น

น้ำหนักตัวและการออกกำลังกายของสุนัขมีความเชื่อมโยงกับแนวโน้มและเทคโนโลยีของมนุษย์
                จากการติดตามผลการรายงานของ Surgeon General อย่างใกล้ชิด  รายงาน ว่ามนุษย์ที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้มาก โดยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงซึ่งมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเห็นว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นในสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกัน
                จากผลการรายงานดังกล่าว ทำให้ Waltham ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก ทางด้านการดูแลและการโภชนาการสัตว์เลี้ยง  และ เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ National Research Council (NRC) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดปริมาณความต้องการอาหารขั้นต่ำของสัตว์เลี้ยง ได้แก้ไขคำแนะนำด้านอาหารขององค์กร โดยเสนอแนะให้ใช้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ให้พลังงานน้อยลงและหากจำเป็นก็ให้ลด ปริมาณอาหารต่อมื้อลงด้วย
                ผลการศึกษาของ Waltham ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการให้อาหาร น้ำหนักร่างกาย และรูปแบบการออกกำลังกายของสุนัข  ผล การศึกษาเปิดเผยว่า ในความเป็นจริงสัตว์เลี้ยงแทบทุกตัว ไม่ได้รับการออกกำลังกายนานเป็นเท่ากับ 60 นาทีต่อวัน เหมือนอย่างที่เคยคิดกันไว้ และการออกกำลังที่ไม่เพียงพอนี้ก็ไม่ได้นำมาพิจารณาเมื่อทำการแบ่งส่วนอาหาร
                สัตวแพทย์ โจ วิลล์ หัวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์ Waltham สำหรับโภชนาการของสัตว์เลี้ยงในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยหลักของ Waltham กล่าวว่า “แนวทางการให้อาหารจะอยู่บนพื้นสมการอย่างง่าย คือ พลังงานที่บริโภคหักออกด้วยพลังงานที่ใช้ไป”    “และ เช่นเดียวกับในมนุษย์ หากพลังงานที่บริโภคไปในร่างการเกินกว่าพลังงานที่ใช้ไป สัตว์เลี้ยงก็จะมีน้ำหนักเพิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

กิจกรรมของมนุษย์ที่ลดลงจะเท่ากับการลดกิจกรรมในสุนัข
                นัก วิทยาศาสตร์ของ Waltham อ้างว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ประกอบกับกิจกรรมที่ลดลงของมนุษย์ซึ่งส่งผ่านไปถึงเพื่อนสุนัของเรา มีผลต่อระดับการอยู่เฉยๆของสัตว์เลี้ยง “ความสะดวกสบายสมัยใหม่ เช่น ระบบทำความร้อนแบบรวม ซึ่งลดความจำเป็นในการใช้พลังงานให้เกิดความอบอุ่น อาจจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อปัญหาการปฏิบัติตามคำสั่งในหมู่มนุษย์ที่เพิ่ม มากขึ้น” ด๊อกเตอร์ วิลส์ อธิบาย “นอกจากนี้ มีผู้ชายเพียง 10 เปอร์เซนต์และผู้หญิงอีก 20 เปอร์เซนต์ที่ได้รับการจ้างงานให้ทำงานในแบบที่จะต้องมีการใช้ทักษะทางร่าง กาย”
                “ง่ายๆ ครับ” วิลส์กล่าว “พอเราขับรถมากแล้วเดินน้อย สุนัขของเราก็จะออกกำลังน้อยไปด้วย พอเรานั่งอยู่หน้าทีวีและเครื่องคอมพิวเตอร์ สุนัขของเราก็จะนอนอย่างเกียจคร้านข้างๆเรา เราควรจะออกกำลังให้มากขึ้นนะ เราต้องให้สัตว์เลี้ยงได้ใช้พลังงานออกไปบ้าง เหมือนกับที่เราต้องใช้พลังงานเหมือนกัน เพื่อสนองตอบต่อแนวทางนี้”
ออกกำลังได้โดยไม่มีข้อแม้
                การ ค้นคว้ายังระบุอีกว่า ขนาดของร่างกายที่ปรากฏเป็นเพียงปัจจัยประการเดียวที่เห็นได้ชัดเจน สำหรับใช้ในการกำหนดปริมาณอาหารของสัตว์เลี้ยง ที่เจ้าของจะต้องเป็นคนให้(อย่างเช่นในสุนัขที่พันธุ์ใหญ่ก็จะต้องให้อาหาร ในปริมาณที่มากขึ้น) แต่ไม่มีการพิจารณาของการออกกำลังกายว่าจะต้องให้สุนัขนั้นออกกำลังเป็น ประจำในปริมาณเท่าใด
                ตาม ที่ด็อกเตอร์ เจมส์ เอช โซโคโลวสกี้จาก Waltham U.S.A Inc., มีเอกสารหลายหน้าที่แสดงถึงการเทียบเคียงกันแบบตัวต่อตัวระหว่างสัตว์เลี้ยง ที่มีน้ำหนักเกินพอดีและเจ้าของของพวกเค้า “อัตราส่วนที่เห็นนี้ ประกอบไปด้วยการค้นคว้าของเราในเรื่องการลดการออกกำลังกายของสัตว์เลี้ยง ให้เราอธิบายการลงความเห็นให้ฟังว่าทำไมสัตว์เลี้ยงอาจจะไม่ตอบสนองกับเทคโน โลยี่โดยตรง แต่พวกเค้ายังคงได้รับผลกระทบด้วยสิ่งนี้อยู่” ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้กล่าว “แม้การค้นคว้านี้จะไปทำที่ อังกฤษก็ตาม แต่การศึกษานี้หมายรวมถึงความสำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยงในอเมริกา รายละเอียดในการศึกษาเรื่องนี้นั้น เป็นประเด็นกับทุกประเทศที่เป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา เพราะความมั่งคั่งและการเน้นหนักให้ความสำคัญกับเรื่องของความก้าวหน้าทาง ด้านเทคโนโลยี”
                ด็อก เตอร์ โซโคโลวสกี้ได้ชี้ให้เห็นว่า ข้อปฏิบัติในการให้อาหารแบบใหม่จาก Waltham ที่กำลังจะนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกนั้นมีความพ้องกันกับ กรมการเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ได้ให้ความเห็นไว้ในข้อปฏิบัติในการโภชนาการสำหรับมนุษย์ฉบับใหม่ที่ออก เมื่อเดือนมกราคม ว่าการออกกำลังหรือการทำกิจกรรมน้อยๆนั้น ควรจะพิจาณาเรื่องอาหารด้วย  แต่ด๊อกเตอร์ วิลส์ และ ด็อกเตอร์โซโคโลวสกี้มีเห็นด้วยว่าข้อแนะนำใหม่ควรจะได้รับการพิจารณาสำหรับเป็นแนวทางเท่านั้น
สัตว์เลี้ยงทุกตัวนั้นต่างกัน
                “สัตว์ เลี้ยงทุกตัวนั้นต่างกัน และทั้งสัตว์แพทย์รวมถึงเจ้าของจะต้องนำเอาปัจจัยน้ำหนัก ภาวะ สายพันธุ์ และระดับการทำกิจกรรมของสัตว์เลี้ยง มารวมกันเพื่อกำหนดอาหารที่จะต้องให้กินเข้าไป หากระดับการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรจะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนิน ชีวิตของตัวเอง เพื่อเพิ่มกิจกรรมหรือการออกกำลังกายทั้งของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น เพื่อต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นของปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของทั้งเจ้าของ และสัตว์เลี้ยงของตน” วิลส์ ปิดท้าย
                สัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับมนุษย์ ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้  เตือน ว่าสัตว์เลี้ยงที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะยิ่งประสบปัญหาทางด้านสุขภาพมากขึ้น และยังอ้างว่าจากหลักฐานมากมายแสดงให้เห็นว่า อารมณ์และลักษณะทางกายภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงนั้น จะเยี่ยมยอดที่สุดเมื่อพวกเค้ามีความกระฉับกระเฉงและดูแลน้ำหนักให้พอดีอยู่ เสมอ
                “สำหรับ สุนัขซึ่งมีน้ำหนักมากเกินไปและไม่ค่อยกระฉับกระเฉงนั้นจำเป็นจะต้องให้ อาหารที่มีแคลอรี่น้อยๆ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ลดการให้อาหารเค้าลงด้วย ขณะที่สุนัขอื่นๆที่ไม่เป็นอย่างนี้อาจจะจำเป็นต้องได้รับอาหารพิเศษสำหรับ สัตว์เลี้ยงโดยตรงด้วย”   ด็อกเตอร์ โซโคโลวสกี้จาก Waltham ต่อท้าย

ควรจะให้อาหารเค้าเท่าไหร่ดีนะ?

สุนัข นั้นต้องการการโภชนาการที่สมดุล นั่นหมายถึงประเภทของสารอาหารที่เหมาะสมและให้พลังงานที่เพียงพอ แก่ความต้องการของร่างกายสุนัขในแต่ละวัน ปริมาณพลังงานที่สุนัขต้องการนั้นยังขึ้นอยู่กับขนาดของพวกเค้า ปริมาณการออกกำลังกายหรือระดับกิจกรรมในแต่ละวันอีกด้วย ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการกำหนดก็คือช่วงชีวิต แต่ละช่วงของสุนัข ว่าเขาอยู่ในช่วงโต เต็มวัย กำลังโต เป็นแม่สุนัขที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมลูก ซึ่งแต่ละช่วงจะต้องการพลังงานในระดับที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้จะช่วยให้คุณได้รู้ว่าสุนัขของคุณควรจะกิน อาหารในปริมาณ เท่าไหร่ด้วยปัจจัยเหล่านี้

สุนัขโตที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อวัน

สุนัขพันธุ์เล็กที่มีกิจกรรมน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ต้องการแคลอรี่วันละ 110-620 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) เนื่องจากเค้ามีกิจกรรมหรือการออกกำลังกายต่อวันที่ค่อนข้างน้อย หรือไม่ค่อยมีกิจกรรม พยายามอย่าให้อาหารเค้าที่เกินความจำเป็น ไม่เช่นนั้นเค้าจะกลายมาเป็นสุนัขที่น้ำหนักเกินง่ายมาก พยายามหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่เหลือๆกับเขา เพราะจะเป็นการให้พลังงานกับเค้ามากเกินไป หากเป็นไปได้ ให้เขาออกกำลังกายเพิ่มขึ้นวันละ 1-2 ชั่วโมง และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์แม้ว่าจะมีน้ำหนักเท่าๆกันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงานในระดับที่แตกต่างกัน

สุนัขพันธุ์กลางที่มีกิจกรรมน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ต้องการพลังงานวันละ 620-1,230 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) เมื่อสุนัขเค้ามีกิจกรรมหรือการออกกำลังกายต่อวันที่ค่อนข้างน้อย หรือไม่ค่อยมีกิจกรรม พยายามอย่าให้อาหารเค้าที่เกินความจำเป็นไม่เช่นนั้นเค้าจะกลายมาเป็นสุนัข ที่น้ำหนักเกินง่ายมาก พยายามหลีกเลี่ยงการให้อาหารเหลือๆ เพราะจะเป็นการให้พลังงานกับเค้ามากเกินไป หากเป็นไปได้ ให้เพิ่มปริมาณการทำกิจกรรมของเค้าเพิ่มขึ้นสักประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์แม้ว่าจะมีน้ำหนักเท่าๆกันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงานในระดับแตกต่างกัน

สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีกิจกรรมน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ต้องการพลังงานอย่างน้อยวันละ 1,230 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวและ สายพันธุ์ของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) ยกตัวอย่างเช่นสุนัขที่พันธุ์ตัวใหญ่มากๆ ซึ่งอาจมีน้ำหนักมากกว่า 200 ปอนด์ และต้องการพลังงานมากถึงวันละ 3,500 แคลอรี่ แต่เมื่อสุนัขเค้ามีกิจกรรมหรือการออกกำลังกายต่อวันที่ค่อนข้างน้อยหรือไม่ ค่อยมีกิจกรรม คุณต้องระวังอย่าให้อาหารเค้า มากเกินความจำเป็นไม่เช่นนั้นเค้าจะกลายมาเป็นสุนัขที่น้ำหนักเกินง่ายมาก พยายามหลีกเลี่ยงการให้อาหารเหลือๆ เพราะจะเป็นการให้พลังงานกับเค้ามากเกินไป หากเป็นไปได้ พยายามให้เขาออกกำลังกายเพิ่มขึ้นสักประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์แม้ว่า จะมีน้ำหนักเท่าๆ กันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงานในระดับแตกต่างกัน


สุนัขโตที่มีกิจกรรมปานกลาง ระหว่างหนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อวัน

สุนัขพันธุ์เล็กเล็กที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่าง หนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อวัน
                การ ออกกำลังหรือทำกิจกรรมขนาดนี้สำหรับสุนัขทั่วไปนับว่าเพียงพอแล้ว ควรรักษาระดับให้ได้ประมาณนี้ทุกๆวัน สุนัขพันธุ์ตัวเล็กที่มีการออกกำลังอยู่ในระดับนี้จะต้องการพลังงาน 125-700 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) แต่หากเป็นฤดูหนาวหรือในสภาพอากาศที่เย็นนั้น คุณก็จะต้อง เพิ่มปริมาณอาหารให้เค้าด้วย เพราะเขาต้องการพลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิ ของร่างกายในอากาศที่เย็นขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรเพิ่มปริมาณอาหารให้เขาได้พลังงานมากพอควรให้อาหารที่มีสาร อาหารครบด้วนและสมดุล หลีกเลี่ยงการให้ เศษอาหารหรืออาหารเหลือเพราะถึงแม้จะให้พลังงานสูงแต่อาจไม่ให้สารอาหารที่ มีประโยชน์อย่างครบถ้วน และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์แม้ว่า จะมีน้ำหนักเท่าๆ กันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงานในระดับแตกต่างกัน

สุนัขพันธุ์กลางที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่าง หนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ขนาดกลางต้องการพลังงานอย่างน้อยวันละ 700-1,400 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) โดยทั่วไปปริมาณการออกกำลังกายประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมงนั้น สำหรับสุนัขขนาดนี้นับว่าเพียงพอแล้ว และควรรักษาระดับให้ได้ทุกวัน แต่หากเป็นฤดูหนาวหรือในสภาพอากาศที่เย็นนั้น คุณก็จะต้องเพิ่มปริมาณอาหารให้เค้าด้วย โดยเฉพาะสุนัขที่นอนอยู่นอกบ้าน เพราะเขาต้องการพลังงานมากขึ้น เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายในอากาศที่เย็นขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรเพิ่มปริมาณอาหารให้เขาได้พลังงานมากพอ ควรให้อาหารที่มีสารอาหารครบด้วนและสมดุล หลีกเลี่ยงการให้เศษอาหารหรือาหารเหลือเพราะถึงแม้จะให้พลังงานสูง แต่อาจไม่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะ ต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์แม้ว่าจะมีน้ำหนักเท่าๆกันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงาน ในระดับแตกต่างกัน

สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ต้องการแคลอรี่อย่างน้อยวันละ 1,400 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) ยกตัวอย่างเช่นสุนัขที่พันธุ์ตัวใหญ่มากๆ ซึ่งอาจมีน้ำหนักมากกว่า 200 ปอนด์ และต้องการพลังงานถึงวันละ 3,950 แคลอรี่ โดยทั่วไปการออกกำลังหรือทำกิจกรรมขนาดนี้นับว่าเพียงพอแล้ว แต่คุณก็จะต้องรักษาระดับให้ได้ทุกวัน แต่หากเป็นฤดูหนาวหรือในสภาพอากาศที่เย็นนั้น คุณก็จะต้องเพิ่มปริมาณอาหาร ให้เค้าด้วย โดยเฉพาะสุนัขที่นอนอยู่นอกบ้านเพราะเขาต้องการพลังงานมากขึ้น เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย ในอากาศที่เย็นขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรเพิ่มปริมาณอาหารให้เขาได้พลังงานมากพอ ควรให้อาหารที่มีสารอาหารครบด้วนและสมดุล หลีกเลี่ยงการให้เศษอาหารหรือาหารเหลือเพราะถึงแม้จะให้พลังงานสูง แต่อาจไม่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน และโปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงคำแนะนำโดยรวม สุนัขแต่ละตัวก็จะต้องการพลังงานแตกต่างกันไป สุนัขต่างสายพันธุ์ แม้ว่าจะมีน้ำหนักเท่าๆกันหรือกิจกรรมคล้ายๆกัน ก็ต้องการพลังงาน ในระดับแตกต่างกัน




สุนัขโตที่มีกิจกรรมพอสมควรถึงมาก ระหว่าง สองถึงสามชั่วโมงต่อวัน

สุนัขพันธุ์เล็กที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่าง สองถึงสามชั่วโมงต่อวัน
                สุนัข ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ต้องการแคลอรี่วันละ 150-840 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) การออกกำลังหรือทำกิจกรรมขนาดนี้ถือว่าค่อนข้างมากสำหรับสุนัขทั่วๆไป และพลังงานที่เค้าต้องการก็ขึ้นอยู่กับระดับการออกกำลังหรือการทำกิจกรรมที่ แตกต่างกันในแต่ละวันด้วย ที่สำคัญก็คือ คุณจำเป็นที่จะต้องตรวจดูน้ำหนักของเค้าและสุขภาพโดยทั่วไปอยู่เสมอ เพื่อเปลี่ยนปริมาณอาหารให้เค้าอย่างเหมาะสมได้ทันที

สุนัขพันธุ์กลางที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสามชั่วโมงต่อวัน
                ณ ระดับการออกกำลังที่มากกว่าระดับความต้องการการออกกำลังตามธรรมดาแล้ว สุนัขขนาดกลางของคุณ ต้องการพลังงานวันละ 840-1,680 แคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) พลังงานที่เค้าต้องการก็ขึ้นอยู่กับระดับการออกกำลังหรือการทำกิจกรรม ที่แตกต่างกันในแต่ละวันด้วย ควรตรวจดูน้ำหนักของเค้าและสุขภาพโดยทั่วไปอยู่เสมอ เพื่อเปลี่ยนปริมาณอาหารให้เค้าอย่างเหมาะสมได้ทันที

สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีกิจกรรมอยู่ระหว่างสองถึงสามชั่วโมงต่อวัน
                ถ้า เค้าเป็นสุนัขที่มีกิจกรรมอยู่ตลอดอย่างนี้ สุนัขตัวใหญ่ของคุณก็ต้องการพลังงานวันละ 1,680 แคลอรี่ หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย) ปริมาณการออกกำลังหรือทำกิจกรรมขนาดนี้ถือว่าสูงกว่าสุนัขทั่วไปแล้ว และพลังงานที่เค้าต้องการก็ขึ้นกับว่า เขามีกิจกกรมอย่างนี้สม่ำเสมอทุกวันหรือไม่ สำหรับสุนัขพันธุ์ที่ตัวใหญ่มากๆนั้นเขาอาจไม่ได้มีกิจกกรมมากขนาดนี้ทุกวัน แต่ไม่ว่าเขาจะมีขนาดไหน คุณจำเป็นที่จะต้องตรวจดูน้ำหนักของเค้าและสุขภาพโดยทั่วไปอยู่เสมอ เพื่อเปลี่ยนปริมาณอาหาร ให้เค้าอย่างเหมาะสมได้ทันที

สุนัขโตที่มีกิจกรรมตลอดทั้งวัน รวมถึงสุนัขทุกขนาดด้วย
                เรา ถือว่าสุนัขโตที่มีกิจกรรมมากมายตลอดทั้งวันนั้นเป็นสุนัขที่มีความกระฉับ กระเฉงอยู่ตลอดเวลา ความต้องการ พลังงานอย่างน้อยของเขาจะมากกว่าสุนัขที่่มีกิจกรรมปานกลางอยู่ 40% ขึ้นอยู่กับขนาดตัวของเค้าด้วย (กรุณาขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์เพิ่มเติมด้วย)
ยิ่ง ถ้าเค้าเป็นสุนัขที่อยู่ในสภาพแวดล้อมืรหดและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากๆ เค้าก็ยิ่งต้องการพลังงานเพิ่ม มากกว่าเดิมขึ้นไปอีก ในกรณีเช่นนี้ เค้าจะต้องได้รับอาหารต่อวันในปริมาณที่เยอะมาก (อาจจะ 2-4 เท่า จากระดับปกติ) และแน่นอนว่าเค้าต้องได้อาหารอย่างน้อยมากกว่า 1 มื้อต่อวัน ให้อาหารเค้าเมื่อเขาทำงานที่ต้องทำในแต่ละวัน เสร็จแล้วเมื่อเขามีเวลาพักผ่อนและฟื้นกำลังสำหรับวันใหม่ จากนั้นให้ให้อาหารในส่วนที่เหลือ โดยประมาณเวลาที่เหมาะสม ตามที่คุณเห็นควรก่อนจะเริ่มต้นงานใหม่ และสิ่งสำคัญที่สุดที่ลืมไม่ได้เลยก็คือคุณจะต้องเตรียมน้ำที่สะอาดและใหม่ เสมอ รอไว้ให้เค้าได้ดื่มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสุนัขในกลุ่มนี้จะกินน้ำในปริมาณต่อวันที่มากเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิ ของร่างกายให้คงที่

สุนัขที่มีอายุมากทุกขนาด
                เมื่อ สุนัขของคุณมีอายุมากขึ้น เค้าจะต้องการพลังงานน้อยลง เนื่องจากปริมาณกิจกรรมที่น้อยลงรวมถึงโครงสร้าง ของร่างกายที่เปลี่ยนไปด้วยซึ่งมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ต่อไปนี้จะเป็นความต้องการพลังงานที่เปลี่ยนไปตามอายุ และจะเป็นการแสดงให้เห็นถึง สุนัขที่มีอายุเท่าไหร่ ขนาดไหนนั้น ที่เรียกว่ามีอายุมากแล้ว
                สุนัข พันธุ์เล็ก: พิจารณาว่ามีอายุมาก หากสุนัขนั้นมีอายุได้ 9-10 ปีแล้ว พวกเค้าต้องการพลังงาน 100-560 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกาย
                สุนัข ขนาดกลาง: พิจารณาว่ามีอายุมาก หากสุนัขนั้นมีอายุได้ 7-8 ปีแล้ว พวกเค้าต้องการพลังงาน 560-1,200 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกาย
                สุนัข ขนาดใหญ่: พิจารณาว่ามีอายุมาก หากสุนัขนั้นมีอายุได้ 7-8 ปีแล้ว พวกเค้าต้องการพลังงาน 1,120-1,880 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกาย
                สุนัข ขนาดใหญ่มาก (50 กิโลกรัมขึ้นไป) : พิจารณาว่ามีอายุมาก หากสุนัขนั้นมีอายุได้ 5-6 ปีแล้ว พวกเค้าต้องการพลังงาน 1,880 แคลอรี่หรือมากกว่านั้นต่อวัน ขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกาย
(ให้ขอคำปรึกษาจากสัตว์แพทย์ถึงปริมาณพลังงานที่สุนัขตัวนั้นของคุณเค้าต้องการต่อวัน)
                นอก จากสุนัขที่มีอายุมากจะต้องการพลังงานที่น้อยกว่าสุนัขที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว แล้ว พวกเค้ายังมีความอยากอาหาร ลดลงด้วย ซึ่งจะทำให้วิธีการกินอาหารของพวกเค้าผิดไป ยกตัวอย่างเช่นจากการสืบทราบพบว่า ในอเมริกานั้นมีอยู่ 16% ที่มีสุนัขอายุ 12 ปีต้องอยู่โรงพยาบาลสัตว์ เนื่องมาจากอายุต่ำกว่าเกณฑ์ ในขณะที่พบเพียง 5% เท่านั้นที่มีน้ำหนักเกิน ดังนั้นอาหารที่ดีที่สุดในรูปแบบที่จะให้กับสุนัขที่มีอายุสูงมากๆเช่นนี้ ได้ก็ต้องให้มีรสชาติที่อร่อยน่ากิน และสามารถย่อยสลายได้ง่ายมากๆ แต่เวลาที่จะต้องให้อาหารพวกนี้แก่เค้า ก็จะต้องลดปริมาณลงตามที่เค้าใช้พลังงานด้วย หมายถึงว่า ใช้พลังงานน้อย ก็กินให้น้อยนั่นเอง อาหารเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องให้ในปริมาณที่สมดุลย์ และมีสารอาหารครบถ้วนในขณะที่ให้พลังงานน้อยลง ยังถือว่าเราโชคดีกันอยู่มากๆที่อาหารพิเศษสำหรับสุนัข อายุมากๆเช่นนี้ยังมีขายอยู่ และแน่นอนว่าเขาผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

แม่สุนัขที่กำลังตั้งครรภ์ในทุกขนาดและทุกพันธุ์
                แม่ สุนัขที่กำลังตั้งครรภ์ในทุกขนาดนั้นต้องการอาหารเพิ่มไม่มากนักเมื่อเธอ อยู่ในช่วง 5-6 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ ทั้งนี้เพราะลูกของเธอที่อยู่ในครรภ์นั้นจะยังไม่มีการเจริญเติบโตมากนัก ในระยะที่ลูกที่อยู่ในครรภ์มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วนั้น จะเป็นช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งในระยะนี้ แม่สุนัขที่กำลังตั้งครรภ์ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นในแต่ละสัปดาห์ประมาณ 15% และเมื่อเธอให้กำเนิดลูกๆนั้น เธอจะต้องการอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% เมื่อเทียบกับพลังงานที่เธอเคยได้รับเมื่อยามปกติ

แม่สุนัขที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการให้นมลูกทุกขนาดและทุกพันธุ์
                ช่วง เวลาแห่งการให้นมลูกของแม่สุนัขนั้นเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของชีวิต พลังงานที่ร่างกายของแม่สุนัขต้องการ เพิ่มขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของลูกๆของเธอ แต่ในช่วงที่เธอจะต้องให้นมลูกมากที่สุด คือเมื่อบรรดาลูกๆของเธอ อายุได้ประมาณ 4 สัปดาห์ ซึ่งความต้องการพลังงานของแม่สุนัขจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าของระดับความต้องการพลังงานปกติ นี่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ อาหารที่เธอจะต้องได้รับในแต่ละวันนั้นจะต้องมีรสชาติที่ดี ย่อยง่าย และให้สารอาหารเข้มข้นเป็นพิเศษ หากจะให้อาหารเป็นมื้อๆ ก็จะต้องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ หรือไม่เช่นนั้นจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากจะมีอาหารรอเธอไว้ทั้งวัน และแน่นอนว่าควรจะเตรียมน้ำดื่มที่ใหม่และสะอาดจำนวนมากๆ ไว้สำหรับแม่สุนัขด้วย เนื่องจากแม่สุนัขจะสูญเสียน้ำในร่างกายไปเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับปริมาณ ที่ดื่มในยามปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อใช้น้ำในการผลิตออกมาเป็นนมให้ลูกๆของเธอนั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สุนัขอายุมาก

สุนัขที่มี อายุมากๆนั้นมีความต้องการเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ร่างกายของเค้ากำลังเริ่มจะเชื่องช้าลงอันเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความ เหนื่อยอ่อนและชีวิตกำลังเริ่มย่างก้าวเข้าไปหาจุดสิ้นสุดแล้ว ความมีอายุยืนของสุนัขนั้นมีขึ้นได้จากสาเหตุที่กว้างมาก และยังขึ้นอยู่กับแต่ละพันธุ์ด้วยแม้ว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ด้วยก็ตาม จุดเริ่มต้นชีวิตที่ดีนั้น ก็คือการดูแลอย่างถูกวิธีและรวมถึงการให้การโภชนาการที่ถูกต้องนับตั้งแต่ เวลาที่เค้าเป็นลูกสุนัขตลอดจนเวลาที่เค้าโตขึ้นมา สิ่งเหล่านี้จะดีติดตัวสุนัขไป และมีส่วนทำให้เค้ามีชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงไปยาวนานแม้เค้าแก่ตัวลงก็ตาม
              เมื่อ คุณอยู่กับเค้าทุกๆวัน คุณจะไม่สังเกตเห็นถึงความชราของเค้าที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นทีละนิดหรอก แต่หากคุณให้การดูแลกับเค้าให้มากขึ้นไปอีกนิด คุณจะสามารถทำให้สุนัขที่มีอายุมากๆของคุณนั้นมีความสบาย และด้วยการหมั่นพาเค้าไปตรวจกับสัตว์แพทย์เป็นประจำ เมื่อรวมกับข้อที่ควรคำนึงประการอื่นๆแล้วคุณจะสามารถทำให้เค้ามีสุขภาพที่ ดีไปเรื่อยๆจนกระทั่งก่อนวันสุดท้ายของเค้า หากว่าเค้าอายุได้ 8-9 ปีแล้วก็ถือได้ว่าสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่วัยที่มีอายุมากแล้ว ในสุนัขพันธุ์ใหญ่มากๆนั้นอาจจะคำนวณว่าเค้าอยู่ในช่วงชีวิตนี้เมื่อเค้ามี อายุได้ประมาณ 8 ปี หรือเร็วกว่านั้น ในขณะที่สุนัขพันธุ์เทอร์เรียและสุนัขพันธุ์ผสมนั้นจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ยาวนานที่สุดคือประมาณ 15 ปีหรือมากกว่านั้น

เชื่องช้าลง
              ร่าง กายของเค้าในอายุขนาดนี้ อวัยวะในร่างกายที่สำคัญๆก็เริ่มเสื่อมสภาพลงทีละน้อยๆ เค้าจะกระฉับกระเฉงน้อยลงกว่าเดิม ดังนั้นเค้าจะต้องการอาหารที่มีพลังงานน้อยๆ รวมถึงความสามารถในการทำงานของอวัยวะต่างๆก็มีประสิทธิภาพลดน้อยลงกว่าเดิม
              เพราะ ร่างกายเค้าเชื่องช้าลง ร่างกายเค้าจะไม่สามารถพร้อมสำหรับการรับมือกับโรคและความเค้นอื่นๆ ดังนั้นให้รักษาระดับของสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ต่ำที่สุด คุณจะต้องใช้ความอดทนที่จะรับมือกับสุนัขที่มีอายุมากๆแล้วของคุณเมื่อเค้า เชื่องช้าลงกว่าเดิม เค้าอาจจะไม่สามารถได้ยินหรือเห็นคุณได้ถนัดนัก การที่เค้าไม่ตอบสนองคุณไม่ได้หมายความว่าเค้ามีเจตนาที่จะไม่เอาใจใส่คุณ หรอกนะ สุนัขของคุณในตอนนี้น่ะต้องการความช่วยเหลือจากคุณเพิ่มอีกนิดและเค้าก็ต้อง การเพื่อนด้วย อดทนไว้ เพราะเค้าสมควรได้รับการดูแลจากคุณ
การทำให้สุนัขที่มีอายุมากมีความสุขและสบายขึ้น
              เนื่อง มาจากสุนัขที่อยู่ในช่วงชีวิตเช่นนี้จะมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย เค้าจะใช้เวลานานมากขึ้นกว่าจะล้มตัวลงนอนสักที่ได้ ให้มั่นใจว่าตลอดเวลานั้น เค้าไม่ได้นอนลงในที่ที่เย็น ชื้น หรือในที่ที่รับความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยตรง ให้คุณดูแลที่นอนของเค้าให้อบอุ่น เรียบและรองให้นุ่มด้วยเบาะอย่างดี หากเค้านอนนานๆบนพื้นที่ที่ไม่เรียบ ขรุขระ หรือแข็งเกินไป โดยเฉพาะกับกรณีที่สุนัขของคุณนั้นมีน้ำหนักมาก ก็อาจจะก่อให้เกิดหนังด้านตรงส่วนที่กระดูกกดทับ อย่างเช่นตรงข้อศอกหรือข้อเท้าของเค้า อันเป็นสาเหตุให้เกิดแผลและติดเชื้อได้
              ให้ดูด้วยว่าเค้า สามารถไปยังที่นอนเค้าได้ง่ายๆ หากที่นอนเค้าอยู่ชั้นบนและเค้ามีปัญหาในการเดินขึ้นบันไดให้คุณหารั้วมากัน ไว้ไม่ให้เค้าขึ้นชั้นบนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วจัดที่นอนไว้ชั้นล่างให้เค้าแทน อย่าลืมว่าสายตาของสุนัขในวัยนี้นั้นเริ่มจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการได้ยินและการจับทิศทางก็ไม่ดีเหมือนเก่าแล้วด้วย นั่นจึงหมายความว่าสุนัขของคุณอาจจะไม่ได้ยินที่คุณสั่งหรือพูดกับเค้า และอย่าพยายามไปปรับเปลี่ยนหรือย้ายข้าวของในบ้านให้มากจนเค้าจำไม่ได้ และแน่นอนว่าอย่าทิ้งเค้าไว้ตามลำพังเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่แปลกๆ
การพาเค้าไปตรวจร่างกายกับสัตว์แพทย์เป็นประจำ
              การ ฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันประจำปีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุนัขที่มีอายุ มากๆ เช่นเดียวกับตอนที่เค้ายังหนุ่มๆอยู่ สุนัขที่มีอายุมากๆนั้นจะมีความสามารถในการต้านทานโรคต่ำลงและไม่สามารถ ต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีเหมือนเดิมแล้ว ให้พาสุนัขของคุณไปให้สัตว์แพทย์ได้ตรวจร่างกายเป็นประจำ ซึ่งเขาจะให้คำแนะนำคุณได้ว่าในสุนัขบางตัวจะต้องมาตรวจร่างกายเป็นประจำ บ่อยขนาดไหนด้วย และสัตว์แพทย์จะประเมินสุขภาพทั่วไปของอวัยวะต่างๆที่สำคัญอย่างเช่นผิวหนัง หัวใจ ไต และตับ นอกจากนี้ผู้เป็นสัตว์แพทย์ยังจะตรวจบรรดาก้อนโปนที่ผิดปกติ สุขภาพในช่องปากของสุนัขให้ด้วย โรคบางอย่าง อย่างเช่นโรคที่เกี่ยวกับไตก็ควรจะได้รับการตรวจและบำบัดเสียแต่ยังเป็น น้อยๆอยู่ด้วยการตรวจตัวอย่างเลือดที่ได้จากสุนัข (หมายถึงควรจะตรวจเสียก่อนที่จะมีสัญญาณทางแพทย์บ่งบอกถึงโรคนี้ซึ่งปรากฏ ให้เห็นทางร่างกายแล้ว)
              ตัวอย่างปัสสาวะของสุนัขก็สามารถ นำมาใช้เป็นข้อมูลสุขภาพสำหรับตัวสุนัขได้ด้วย ดังนั้นคุณก็สามารถจะเก็บตัวอย่างปัสสาวะ แล้วนำไปให้สัตว์แพทย์ตรวจตอนพาเค้าไปฉีดวัคซีนหรือเมื่อถึงเวลาตรวจประจำปี ด้วยได้ ก่อนที่จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะของสุนัขให้ตรวจดูภาชนะที่จะใส่ให้แห้ง และสะอาดเสียก่อนก่อนที่จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะลงในภาชนะที่ปิดสนิทและสะอาด เมื่อถึงมือสัตว์แพทย์ แต่กระนั้นก็ตามสัตว์แพทย์อาจจะให้ภาชนะสำหรับบรรจุปัสสาวะของสุนัขโดยเฉพาะ แก่คุณเพื่อนำไปเก็บตัวอย่างก็ได้
              นี่ยังเป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะสามารถตรวจดูน้ำหนักของสุนัขด้วย ให้ถามจากสัตว์แพทย์หากพบว่าน้ำหนักไม่ตรงเสียทีเดียวนัก สัตว์แพทย์เขาจะให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่คุณเกี่ยวกับตารางการให้อาหารสำหรับ สุนัขด้วย
              เมื่อสุนัขนั้นอายุมากขึ้นและเค้าเคลื่อนไหว เชื่องช้าลงเค้าควรจะได้อาหารที่ให้พลังงานน้อยลงด้วย ในบางกรณีอย่างเช่นไตล้มเหลวและโรคหัวใจ จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง ส่วนสำคัญของอาหารด้วย สัตว์แพทย์อาจจะอาหารสำเร็จชนิดพิเศษกับคุณ หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะให้คำแนะนำกับคุณถึงวิธีการเตรียมอาหารชนิดพิเศษด้วย ตัวคุณเองที่บ้าน คุณก็ไม่ควรลืมขอคำแนะนำจากสัตว์แพทย์ด้วยหากว่าสุนัขของคุณนั้นไม่สามารถ กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระได้ ซึ่งพบบ่อยว่าเป็นเรื่องสภาวะทางการแพทย์ที่สามารถเยียวยาได้ง่าย
              อุบัติเหตุ เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางโอกาส เพราะสุนัขไม่สามารถที่จะลุกหรือไม่อยากลุกขึ้นจากที่นอนของเค้าหรือไปที่ ประตู บางครั้งก็อาจจะเกิดขึ้นเพราะการควบคุมประสาทในฝั่งของการทำงานของร่างกาย นั้นเสื่อมถอยลง ในกรณีเช่นนี้ วิธีการบำบัดนั้นจะยากขึ้นและไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์
ข้อพิจารณาอื่นๆ
              เมื่อ สุนัขไม่ค่อยกระฉับกระเฉงเนื่องจากการมีอายุมาก เค้าอาจจะไม่วิ่งนำหน้าเราเหมื่อนอย่างที่เค้าเคยเป็นเมื่อตอนที่เค้ายัง หนุ่มแน่น คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมาเป็นการพาเค้าเดินเคียงข้างกันไปแทน เกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังในสุนัขที่มีอายุมากๆนี้ ให้คุณแวะเข้าไปเยี่ยมชมในหน้า การออกกำลัง

              ให้ คุณดูแลตัดแต่งขนของสุนัขที่มีอายุให้ดี การดูแลเค้าอย่างดีนี้จะช่วยให้เค้ามีความรู้สึกสบายตัวและมีสุขภาพที่ดี ด้วย การแปรงขนจะช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดให้กับผิวหนังและยังจะช่วยให้ขน เค้าเป็นมันเงา ไม่พันกันอีกด้วย สำหรับเรื่องการอาบน้ำและการตัดแต่งขนสุนัข ให้คุณแวะเข้าไปเยี่ยมชมในหน้า การตัดการดูแลขนสุนัข
              ให้ ดูแลขนของสุนัขที่มีอายุมากๆให้ดี การดูแลเค้าเรื่องขนนี้จะช่วยให้เค้ารู้สึกสบายตัวและมีสุขภาพดีด้วย การแปรงขนจะช่วยให้ขนของเค้าเป็นมันเงาและไม่พันกัน การแปรงขนและแต่งขนสุนัขของคุณเป็นประจำนั้นก็จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบขนของ เค้าจากอาการขนร่วงผิดปกติ พันกัน อาการคันต่างๆ และร่องรอยของพวกเห็บหมัดรวมทั้งปรสิตอื่นๆด้วย

              นอก จากนี้คุณจะยังทราบได้อีกว่าตรงไหนของเค้าที่โปนหรือนูนผิดปกติไป ไฝหรือเนื้องอก(ที่เกิดจากเนื้อเยื่อไขมัน) ในสุนัขที่มีอายุมากๆถือว่าเป็นปกติ และจะไม่สร้างปัญหาอะไรเว้นเสียแต่บริเวณที่เกิดนั้นจะก่อให้เกิดความเสีย หายต่อโครงสร้างอื่นๆ (อย่างเช่น บริเวณหนังตาเป็นต้น) หรือไม่เช่นนั้นก็อาจสร้างความไม่สบายตัวให้เกิดขึ้นหรือเป็นแผลได้ง่าย

              ต้อง รีบพาเค้าไปให้สัตว์แพทย์ทำการตรวจ หากคุณพบว่าเนื้อส่วนไหนของเค้านั้นโปนหรือนูนขึ้นมาอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตรงที่เนื้อส่วนนั้นเกิดโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และให้เช็คดูที่เล็บของเค้าให้เป็นประจำด้วย ให้คุณให้ความสนใจกับนิ้วเล็บส่วนที่เกินขึ้นมาของเค้าเป็นพิเศษ นิ้วเล็บส่วนเกินนี้จะอยู่ด้านข้างของขา แต่จะไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำจนสามารถสัมผัสกับพื้นดินได้ นิ้วหรือเล็บนี้โดยปกติจะไม่หลุดออกจากขาของสุนัขไป บางครั้งพบว่าเล็บเหล่านี้โตเพิ่มขึ้นในลักษณะโค้งงอเข้าไปหานิ้วซึ่งหาก เป็นอย่างนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้กับสุนัขได้อย่างมากมาย
              สำหรับ เรื่องเล็บที่ปกตินั้น คุณสามารถตัดเล็บให้สุนัขของคุณได้ด้วยตัวเอง แต่หากคุณยังไม่คุ้นเคยกับการตัดเล็บให้สุนัข ก็ให้พาไปให้สัตว์แพทย์หรือช่างที่ตัดแต่งขนสุนัขซึ่งเขาจะมีความชำนาญใน เรื่องนี้จัดการให้ ส่วนเรื่องปากและฟันนั้นให้คุณหมั่นเช็คช่องปากและฟันรวมทั้งเหงือกของสุนัข ของคุณเป็นระยะๆ หากคุณพบคราบหินปูนสีน้ำตาลเกาะอยู่ตามฟันของเค้า หินปูนเหล่านั้นจะเป็นสาเหตุของกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ และเป็นสาเหตุของโรคเหงือกรวมทั้งการติดเชื้อต่างๆ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันสุนัขหลุดออกจากปากในที่สุด
              สัตว์ แพทย์ของคุณจะสามารถช่วยขูดหินปูนที่เกาะอยู่นี้รวมทั้งถอนฟันที่โยกแล้วให้ หลุดออกไปได้ ในการนี้สัตว์แพทย์อาจจะต้องทำการวางยาสลบซึ่งเป็นขั้นตอนปกติให้กับสุนัข แต่จะดีกว่ามากหากได้มีการป้องกันหรือลดการเกิดโรคทางเหงือกของเค้าให้น้อย ลงมากๆด้วยการให้อาหารแข็งๆให้เค้าทานบ้าง และให้จัดเป็นส่วนหนึ่งสำหรับอาหารที่เค้าจะต้องกินไปตลอดชีวิต นอกจากนี้การหมั่นแปรงฟันให้กับสุนัขเป็นประจำโดยใช้แปรงสีฟันที่ผลิตขึ้นมา ให้ใช้กับสุนัขโดยเฉพาะรวมทั้งยาสีฟันก็เป็นส่วนที่สามารถช่วยได้มาก หากไม่มีแปรงสีฟันก็ให้ใช้ผ้านุ่มๆหรือสำลีหมาดๆแตะกับผงฟูแทนก็ได้
เมื่อวาระสุดท้ายใกล้จะมาถึง
              การ ตัดสินใจที่จะพาสุนัขตัวอื่นเข้ามาในบ้านก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่าง รอบคอบด้วยเช่นกัน มีเจ้าของหลายๆคนพบว่าลูกสุนัขตัวใหม่เข้ามาในบ้านนั้น บางทีจะเป็นการต่ออายุให้กับสุนัขที่มีอายุมากๆ ถึงแม้ว่าคุณจะมีความรู้สึกว่าเค้าของคุณจะมีใครใหม่มาแทนที่ไม่ได้ก็ตาม แต่การมีสุนัขที่เด็กกว่าวิ่งเล่นอยู่รอบๆจะทำให้สุนัขที่มีอายุมากๆนั้นได้ เพื่อนจะเป็นการง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับวันนั้นที่จะมาถึง ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของสุนัข ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดว่าคุณอยากจะให้เค้าหลับไปเลยดีหรือเปล่า แต่ก็หวังไว้ว่า เมื่อเวลานั้นมาถึงเค้าจะจากไปอย่างสงบขณะที่เค้าหลับในที่นอนอันแสนสุขของ เค้า เพราะในความจริงยังมีสุนัขอีกหลายๆตัวที่ไม่มีโอกาสเช่นนั้น
              สำหรับ สุนัขที่มีคุณภาพชีวิตไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วยหรือ เจ็บปวดมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นการยุติธรรมแล้วสำหรับเค้าที่เราจะตัดสินใจให้ความเจ็บป่วยหรือเจ็บ ปวดนั้นสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุด เรื่องอย่างนี้คุณต้องหารือกับสัตว์แพทย์ด้วยความรอบคอบมากๆ และทั้งสองฝ่ายจะต้องเห็นพ้องด้วยกันว่าการให้เค้าตายนั้นเป็นการดีที่สุด สำหรับเค้าแล้ว แล้วให้สัตว์แพทย์ล่วงรู้ด้วยว่าคุณรู้สึกอย่างไรเพื่อที่ว่าจะได้ไม่เข้าใจ กันผิดความหมาย
              ในสุนัขนั้น การให้เค้าตายมีความหมายถึงการฉีดยาไม่ให้เค้าเจ็บปวดอีกต่อไป ซึ่งจะบังเกิดผลภายในไม่กี่วินาทีเพื่อส่งให้เค้าหลับไป การที่คุณสูญเสียเพื่อนคู่หูไปนั้นมันยากที่จะทานทนได้ และมันก็ยากที่จะยอมรับว่าสุนัขของคุณไม่สามารถอยู่กับคุณไปได้ตลอด แต่คุณสามารถทำให้ดีที่สุดได้ ด้วยการอดทนและดูแลเค้าให้ดี เพื่อทำให้ปีท้ายๆของเค้านั้นมีความสุขสบาย และสนุกสนานมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเลือกสัตวแพทย์

การเลือก สัตว์แพทย์ให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ที่คุณจะทำเพื่อสุนัขของคุณได้ เพื่อช่วยให้เค้ามีอายุยืนและมีสุขภาพดี สัตว์แพทย์นั้นควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านเทคนิค มีความรู้เกี่ยวกับ เทคนิคหรือวิธีการรักษาแบบใหม่ๆ และมีความมุ่งมั่นอย่างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ที่จะช่วยสุนัขของคุณไปจนกว่า เค้าจะหายป่วย คุณจะต้องมั่นใจว่าสัตว์แพทย์สามารถอธิบายให้่คุณสามารถเข้าใจได้ และสามารถตอบคำถามของคุณได้ด้วย เพื่อที่คุณจะสามารถรับผิดชอบในการตัดสินใจสำหรับสุนัขของคุณได้ ลำดับต่อไปจะเป็นวิธีง่ายๆสำหรับการเลือก สัตว์แพทย์
จะหาสัตว์แพทย์ได้อย่างไร
              หนึ่ง ในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกสัตวแพทย์คือต้องเลือกคนที่คุณไว้ใจ เพราะสุนัขของคุณ บอกคุณไม่สามารถพูด บอกคุณได้ว่าเค้ารู้สึกอย่างไรและคุณก็จะไม่มีเวลามาเฝ้าได้ตลอดเวลาว่าหมอ ทำอะไรกับสุนัขของคุณหลังจากที่คุณเดินกลับออกจากคลินิกไปแล้ว ลองถามจากเพื่อนๆ เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกเดียวกัน หรือเพื่อนร่วมงานเพื่อหาคำแนะนำที่ดีที่สุด คนรักสัตว์คนอื่นๆจะช่วยบอกคุณได้ว่าสัตว์แพทย์คนไหนที่มีความรู้ความสามารถ มีเมตตา และทำงานหนักเพื่อรักษาสัตว์ ทุกตัวให้หายจากไม่สบาย
คำถามแบบไหนที่จะใช้ประเมินความสามารถของสัตว์แพทย์ว่าเพียงพอแก่การรักษาหรือไม่
              คุณ ควรพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์หรือเปล่า? ควรเลือกสถานที่รักษาให้เหมาะกับสัตว์เลี้ยง ของคุณ เช่น ไม่ควรพาสุนัขไปรักษาตามคลินิคที่เชี่ยวชาญแต่การรักษานกหรือสัตว์เลื้อย คลาน
              คลีนิคหรือโรงพยาบาบแห่งนั้นตั้งอยู่ในที่ที่คุณไป มาสะดวกไหม เวลาเปิดทำการของเขาตรงกับเวลาว่างของคุณ หรือไม่ ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลา พยายามหาร้านที่เปิดในช่วงเย็นหรือวันเสาร์อาทิตย์ โรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ๆมักจะเปิดทำการ 24 ชั่วโมง

              พนักงาน อื่นๆในคลินิกหรือโรงพยาบาลเหล่านั้นพอจะมีความรู้และให้การช่วยเหลืออะไร บ้างหรือเปล่า? ดูให้แน่ว่าผู้ช่วยสัตว์แพทย์ในคลินิกแห่งนั้นๆรู้งาน หรือมีการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไรหรือไม่ พนักงานได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธีและมีเครื่องมือแพทย์ระดับมืออาชีพไว้รอง รับการใช้งานหรือไม่
              สัตว์แพทย์ที่คุณพาสุนัขไปรับการ รักษา จะแนะนำให้คุณพาสุนัขไปพบผู้ชำนาญการเฉพาะทางเพราะสภาพอาการ ของเค้าต้องการการรักษาเช่นนั้นหรือไม่? ทุกวันนี้ผู้ชำนาญเฉพาะทางเกี่ยวกับสัตว์ก็มี ผู้ชำนาญทางด้านวิสัญญี ทางด้าน พฤติกรรมสัตว์ ทางด้านโรคหัวใจ ทันตแพทย์ ทางด้านผิวหนัง ทางด้านการดูแลเหตุการณ์ฉุกเฉินและเร่งด่วน ทางด้าน การใช้ยารักษาภายใน ทางด้านประสาท ทางด้านเนื้องอก ทางด้านจักษุ การฉายรังสี และศัลยกรรม แต่ละสายงานที่ว่ามานี้ ล้วนแล้วแต่ต้องมีใบรับรองการประกอบวิชาอาชีพพิเศษ เกินกว่าที่จะมีแค่ใบประกอบโรคศิลป์เช่นสัตว์แพทย์ธรรมดาใบเดียว

              ที่ ว่ามาทั้งหมดข้างต้นน่าจะเป็นส่วนช่วยให้คุณสามารถเลือกสัตว์แพทย์ให้สุนัข ของคุณได้ ต้องมั่นในว่าเขาคือคน ที่คุณสามารถปรึกษา ถามคำถามและถามค่ารักษาพยาบาลได้ สิ่งสำคัญคือคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน